ทำไม Sustainable Growth ถึงสำคัญ: สรุปสิ่งที่คนไทยต้องรู้ในงาน TCP Sustainability Forum 2025

#การพัฒนาที่ยั่งยืน
news-image

Caption:

ตลอดทั้งวันของงาน ‘TCP Sustainability Forum 2025’ ภายใต้แนวคิด ‘Sustainable Growth: The Future of Growth’ ได้เปิดพื้นที่แห่งการแลกเปลี่ยนความคิดจากนักการทูต นักเศรษฐศาสตร์ นักการเงิน ผู้นำธุรกิจ ไปจนถึงผู้ประกอบการรายย่อย เพื่อหาคำตอบว่า อนาคตของการเติบโตควรเป็นเช่นไร บทเรียนจากทุก Sessions ในงานจึงเป็นประโยชน์กับทั้งผู้กำหนดนโยบาย ธุรกิจ SME และธุรกิจขนาดใหญ่ รวมถึงคนไทยทุกคน

🇨🇳🇹🇭 [จีน-ไทย ก้าวเดินสู่อนาคตร่วมกันอย่างยั่งยืน]

เวทีเปิดด้วยภาพใหญ่จากความร่วมมือจีน-ไทย โดย คุณเจียง เหว่ย อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจและพาณิชย์ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย ผู้ย้ำว่าการพัฒนาที่ยั่งยืนนั้นไม่ใช่ภารกิจที่ ‘ต้องทำ’ อย่างเดียว แต่คือโอกาสที่ทั้งสองประเทศจะ ‘ได้ทำร่วมกัน’ ในปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ ‘สู่อนาคตร่วมกันอย่างยั่งยืน: ความร่วมมือจีน-ไทยในการขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน’

คุณเจียง เหว่ยเล่าว่า จีนได้วางเข็มทิศการพัฒนาครอบคลุมทั้งหมด 5 ด้าน ได้แก่ ด้านนวัตกรรม ด้านการบูรณาการ ด้านความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้านการเปิดกว้าง และด้านการแบ่งปัน ซึ่งสอดคล้องกับ ‘วาระการพัฒนาที่ยั่งยืนปี 2030’ ของสหประชาชาติ ที่ต้องการให้ความสำคัญกับผู้คนและโลกเป็นสำคัญ ซึ่งนโยบายนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่คำประกาศแต่มีการออกแบบวางแผนให้เห็นผลลัพธ์เป็นรูปธรรม ทั้งเศรษฐกิจที่ใช้พลังงานมีประสิทธิภาพขึ้น เมืองและอุตสาหกรรมสีเขียวเติบโต และคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นในชีวิตประจำวัน

เมื่อหันกลับมามองไทย แนวทางดังกล่าวสอดรับกับ BCG Economy Model หรือแนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจแบบใหม่ที่รวม เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน  และเศรษฐกิจสีเขียวเข้าไว้ด้วยกันอย่างพอดิบพอดี ช่องทางความร่วมมือจึงเปิดกว้างตั้งแต่ห่วงโซ่อุตสาหกรรมพลังงานใหม่ เกษตรและแปรรูปอาหาร ไปจนถึงอีคอมเมิร์ซที่เชื่อมผู้บริโภคจีนกับผู้ประกอบการไทย

ดังนั้น สิ่งที่เราได้เห็นจากคำบอกเล่าของคุณเจียง เหว่ย คือภาพชัดๆ ว่า ‘ยั่งยืน’ ไม่ได้แปลว่าช้าลงหรือแพงขึ้นเสมอไป หากวางระบบและออกแบบแรงจูงใจถูกต้อง มันคือความสามารถในการแข่งขันรูปแบบใหม่ที่สองประเทศจะเกื้อกูลกันได้จริง

📈 [ประเทศไทยในอนาคตจะโตอย่างไร?]

หลังจากได้ฟังมุมมองเป้าหมายร่วมกันในอนาคตระหว่างประเทศไปแล้ว ในเซสชันต่อมา ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ ‘การเติบโตอย่างยั่งยืน: ประเทศไทย อนาคตของการเติบโต เสนอมุมมองโดย คุณบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ชวนตั้งคำถามตรงๆ ว่า “ปัจจุบันประเทศไทยโตแบบไหน และทำอย่างไรเราจึงจะเติบโตไปด้วยกันในอนาคต”

โดยมองจากสถานการณ์ตอนนี้ เศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องจากเฉลี่ย 7.5% ในยุค 1990s เหลือเพียงราว 1.5% หลังยุคโควิด-19 ทั้งที่มีมาตรการอัดฉีดมากมาย และเมื่อมองผ่านดัชนีโลก เราอยู่ในระดับ ‘กลางค่อนไปทางล่าง’ ทั้งรายได้ต่อหัว ความเหลื่อมล้ำ ความโปร่งใส นิติธรรม และสิ่งแวดล้อม

คุณบรรยงยังยกดัชนีสิ่งแวดล้อม (EPI) เป็นกรณีศึกษาให้เห็นว่า ปัจจัยอย่างกติกาที่โปร่งใสและฉันทานุมัติจากประชาชนต่างหากที่เป็นตัวแปรสำคัญ ปาฐกถานี้จึงไม่ใช่เพียงตัวเลขเปรียบเทียบ แต่คือกรอบคิด ถ้าอยากเห็นการเติบโตที่ ‘พาให้คนส่วนใหญ่ไปต่อ’ เราต้องร่วมกันลงมือทำ เพราะทุกคนในสังคมคือพลังถาวรที่ผลักนโยบายให้ไปถึงเป้าหมายได้

🌱 [Green Transition การลงทุนที่ดีที่สุด]

หลังจากมองเห็นเศรษฐกิจโดยภาพรวมแล้ว เวทีต่อมาจึงชวนเราฉุกคิดถึงความพร้อมในการปรับตัวผ่านปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ ‘การเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียวในฐานะกลไกเศรษฐกิจ: โอกาสใหม่สำหรับการเติบโตทางธุรกิจ’ ผ่านมุมมองของ ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่และเลขานุการ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ที่เรียกการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว (Green Transition) ว่า ‘หนึ่งในการลงทุนที่ดีที่สุด’ เนื่องจากโลกกำลังเปลี่ยนโครงสร้างอุตสาหกรรมครั้งใหญ่เทียบชั้นการปฏิวัติอุตสาหกรรมเดิม ความเสี่ยงจึงมาคู่กับโอกาส ประเทศมหาอำนาจขยับเกมทั้งเทคโนโลยี การค้า และภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลให้ฐานการผลิตกระจายสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเห็นได้ชัด โอกาสของไทยจึงอยู่ที่การเร่ง ‘ปรับตัว’ ไม่ใช่เพียง ‘รอจังหวะ’

ดร.กอบศักดิ์เล่าให้ฟังว่า อุตสาหกรรมหลายประเภทในปัจจุบัน กำลังเผชิญความล้าสมัย ขณะที่เทคโนโลยีเร่งรัดทั้ง AI Robot Computing และนวัตกรรมอาหารทางเลือกเดินหน้าแบบก้าวกระโดด ต้นทุนเทคโนโลยีเขียวก็ลดลงเร็ว ทำให้ช่วง 2-3 ปีจากนี้คือ ‘หน้าต่างเวลา’ ที่ควรตัดสินใจเชิงนโยบายและการลงทุน ดังนั้น ประเด็นที่เราควรคิดต่อยอดคือ การมอง ‘สีเขียว’ ให้พ้นจากกรอบ CSR ไปสู่กรอบ ‘ธุรกิจและการเงิน’ อย่างแท้จริง รู้จักวัดและลดคาร์บอน รู้จักจัดการ Carbon Supply Chain รู้จักปรับกฎหมายภายใน และสำคัญที่สุดคือ รู้จักอัปสกิลคนทำงานให้ทันเทคโนโลยี เพื่อปรับตัวให้ทันกับโลกที่ก้าวไปข้างหน้า

🎯 [TCP และ Microsoft มอบกลยุทธ์ใหม่เพื่อการเติบโต]

เตรียมเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการมองภาพธุรกิจและเศรษฐกิจไทยในวันนี้ เราได้พบกับการพูดคุย ตอบปัญหาธุรกิจที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ จากองค์กรที่ทำงานจริงอย่าง คุณสราวุฒิ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ TCP และ คุณธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ Microsoft (ประเทศไทย) 
เริ่มต้นด้วยการตั้งประเด็นหลักที่น่าสนใจว่า “ทำไมแผนงานแบบเดิมๆ ใช้ไม่ได้แล้ว” ซึ่งทาง TCP เป็นฝ่ายแชร์ก่อนว่าเรามีทางรอดคือ ‘Rebalancing’ และ ‘Reinvention’ ประเมินสิ่งที่มี จัดลำดับใหม่ แล้วลองทำใหม่

โดย TCP ได้วางกรอบการเติบโตแบบ EESG (เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม สังคม ธรรมาภิบาล) โดยแบ่งเป็น 3 ยุทธศาสตร์ที่ลงมือจริงได้วันนี้ ได้แก่
(1) การกระจายการเติบโต (Growth Diversification) ที่เกาะเทรนด์สุขภาพและความยั่งยืนของผู้บริโภค พร้อมใช้ AI เป็นตัวเร่ง
(2) ยกระดับประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขัน ตั้งแต่ความร่วมมือกับสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) เพื่อประยุกต์เทคโนโลยีอวกาศในกระบวนการผลิต จนถึงการพัฒนา AI ร่วมกับ Microsoft และการยกระดับการทำการตลาด เสริมคุณค่าและสร้างความผูกพันของแบรนด์กับผู้บริโภคอย่างกิจกรรมกีฬาและวัฒนธรรม
(3) วางรากฐานอนาคต (Future-Ready Foundation) ด้วยการพัฒนาคนด้าน AI ดิจิทัล นวัตกรรม และ Analytics พร้อมปลูก ESG เป็นดีเอ็นเอองค์กร

พร้อมปิดท้ายด้วยข้อคิดสำคัญที่นำไปปรับใช้ได้อย่าง ‘Adaptability’ ทักษะการปรับตัวที่ต้องฝึกทั้งระดับองค์กรและระดับบุคคล เพราะทุกวิกฤตมีช่องว่างของโอกาสเสมอ หากพูดง่ายๆ ก็คือ ลองเริ่มจากสิ่งที่คุมได้ก่อน แก้ไขปัญหาให้ตรงจุดวัดผลเป็นรอบสั้นๆ ปรับกระบวนการทีละขั้น และลงทุนกับทักษะของคนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้องค์กรสามารถก้าวขึ้นสู่แนวหน้าได้ในระยะยาว

🛍️ [เรื่องเล่าจากเหล่า SMEs ที่ TCP ชวนเดินบนเส้นทางความยั่งยืนเพื่อเติบโตไปด้วยกัน]

ช่วงสุดท้ายของงาน ‘TCP Sustainability Forum 2025’ ได้พาทุกคนไปฟังการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในระดับประชาชนจากผู้ประกอบการ SMEs ที่เข้าร่วม โครงการ ‘Big Brother’ ที่ เดอเบล บริษัทภายใต้กลุ่มธุรกิจ TCP ทำงานร่วมกับหอการค้าไทย เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs  และซัพพลายเออร์ของกลุ่มธุรกิจ TCP เพื่อแสดงให้เห็นว่า ‘ความยั่งยืน’ ก็อยู่ในครัว ในร้าน ในโรงงาน และในชุมชนจริงๆ ได้ ซึ่งเล่าเป็นเสียงเดียวกันว่าความยั่งยืนทำได้อย่างไรภายใต้ข้อจำกัด

โดย พรพิมล ปักเข็ม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เพนนิน เพนนี พาทิซเซอรี่ จำกัด เริ่มจากความเป็นแม่ที่อยากให้ลูกกินของดี จนกลายเป็นธุรกิจที่ลงทุนเทคโนโลยีอบเพื่อลดน้ำมัน และต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์ป๊อปคอร์นแบบ Air-pop ที่ลดการใช้น้ำมันและลดปริมาณคาร์บอนฟุตพรินต์ได้อย่างมหาศาล พร้อมเชื่อมโยงคุณค่าทางสังคม ตั้งแต่วัตถุดิบจากโครงการที่ช่วยชุมชนบนพื้นที่สูงเลิกปลูกพืชผิดกฎหมาย ไปจนถึงงานวิจัยที่วัดการลดคาร์บอน ‘ต่อหนึ่งถุง’ เพื่อสื่อสารให้ผู้บริโภคเห็นผลจริง

ส่วน สุพิชญ์ญา ยามวินิจ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท คอมมอน ฟู้ด โซลูชั่น จำกัด นำประเด็น ‘Food Waste’ หรือ ขยะอาหาร อันเป็นขยะก้อนใหญ่ของประเทศมาเป็นโจทย์ธุรกิจ รับซื้อผักผลไม้ที่หลุด QC แต่ยังมีคุณภาพและความปลอดภัยในการนำไปทำอาหาร จากเกษตรกรมาพัฒนาเป็นอาหารเฉพาะทางสำหรับแม่และเด็ก ผู้ป่วย และคนมีข้อจำกัดด้านการกิน พร้อมติดตั้งโซลาร์เซลล์  ผลิตน้ำใช้เอง และชวนชุมชนรอบโรงงานเข้ามาบริหารจัดการขยะร่วมกัน

วัฒนา กฤษณาวารินทร์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยนำโพลีแพค จำกัด พลิกภาพจำของ ‘พลาสติกตัวร้าย’ ด้วยการออกแบบบรรจุภัณฑ์จากพืชที่ย่อยสลายได้ 100% เยื่อไผ่ และโครงการหมุนเวียนที่เน้นโมโน-แมทีเรียล พร้อมหลักฐานเชิงวิทยาศาสตร์ว่าไม่ทิ้งสารตกค้างในดิน เขามองตรงไปข้างหน้าว่า กฎระเบียบใหม่และแรงกดดันทางการค้าจะบังคับเกมให้ทุกคนต้องขยับ ผู้ที่เตรียมพร้อมก่อนคือผู้ได้เปรียบ

และ พรฤทัย โชติวิจิตร เจ้าหน้าที่ติดตามและประเมินโครงการ องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ที่ลงพื้นที่จริง พบตัวเลขขยะรายวันที่น่าตกใจและปัญหาไมโครพลาสติกในร่างกายมนุษย์ ก่อนเล่าวิธีทำงานเชิงระบบกับ TCP ผ่านโครงการ “TCP ปลุกพลังความยั่งยืน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน” ที่ชูแนวคิด Extended Producer Responsibility (EPR) ที่เริ่มจากจุดรับคืน ‘ร้านโชห่วย’ ใช้กลไกโปรโมชันเรียบง่ายเป็นแรงจูงใจในการส่งเสริมให้คนในชุมชนเก็บขวดใช้แล้วมาคืน เพื่อแลกรับสินค้าเพิ่ม เพื่อเชื่อมผู้บริโภคเข้ากับผู้รับซื้อรีไซเคิลมาตรฐาน สร้างรายได้เสริมให้ร้านค้า เปลี่ยนพฤติกรรมชุมชน และที่สำคัญที่สุดคือผลักดันจนเกิด ‘เทศบัญญัติท้องถิ่นว่าด้วยการจัดการขยะ’ ได้สำเร็จ เธอยังย้ำอีกว่า “มันไม่ทำไม่ได้แล้ว” เพราะปัญหาไม่ได้อยู่บนสไลด์ที่ฉายขึ้นจอแต่อยู่ในร่างกายเรา

สุดท้ายนี้ งาน ‘TCP Sustainability Forum 2025’ คือการสะท้อนให้เห็นว่า ‘การเติบโตอย่างยั่งยืน’ ไม่ได้เป็นเพียงแนวคิด แต่คือทิศทางใหม่ที่โลกทั้งใบกำลังเดินไปด้วยกัน สิ่งเหล่านี้รวมกันเป็นคำตอบว่า อนาคตของการเติบโตไม่ใช่แค่เร็วหรือยิ่งใหญ่กว่าใคร แต่คือการเดินไปด้วยกันอย่างมั่นคง เป็นธรรม ไม่ทอดทิ้งใคร และไม่ทิ้งโลกใบนี้ไว้ข้างหลัง

#SustainableGrowth #TheFutureofGrowth

#ปลุกพลังเพื่อวันที่ดีกว่า #EnergizingABetterWorldForAll

#TCP #TCPGroup #กลุ่มธุรกิจTCP