สราวุฒิ อยู่วิทยา ผู้บริหารยุคใหม่ ของกลุ่มธุรกิจ TCP กับแนวคิด ‘ยั่งยืน’ ที่ต้องสร้างไปพร้อมกับการเติบโต

#Blog
#TCP Updates
สราวุฒิ อยู่วิทยา ผู้บริหารยุคใหม่ ของกลุ่มธุรกิจ TCP กับแนวคิด ‘ยั่งยืน’ ที่ต้องสร้างไปพร้อมกับการเติบโต

สราวุฒิ อยู่วิทยา กับการสานต่อวิสัยทัศน์กว่า 7 ทศวรรษของกลุ่มธุรกิจ TCP

ในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว คุณสราวุฒิ อยู่วิทยา คือหนึ่งใน ผู้บริหารยุคใหม่ ที่มองความยั่งยืน ควบคู่กับความมั่นคงระยะยาวของธุรกิจตั้งแต่ก้าวแรกบนเส้นทางการบริหารกลุ่มธุรกิจ TCP หากย้อนมอง ประวัติของคุณสราวุฒิ อยู่วิทยา จะเห็นเส้นทางของผู้นำที่เติบโตจากรากฐานแห่งการเรียนรู้และการลงมือทำจริง ภายใต้แนวคิดจากคุณพ่อ เฉลียว อยู่วิทยา ผู้ให้กำเนิดแบรนด์ “กระทิงแดง” เครื่องดื่มชูกำลังระดับโลก ก่อนส่งต่อปรัชญาการทำธุรกิจที่มุ่งเติบโตไปพร้อมกับการตอบแทนสังคม ให้รุ่นลูกนำพาองค์กรสู่เส้นทางในทศวรรษที่ 7 ในวันนี้ ที่โลกของธุรกิจ หนีไม่พ้น “การคิดแบบยั่งยืน”

วันนี้ กลุ่มธุรกิจ TCP เจ้าของแบรนด์เครื่องดื่มอย่าง กระทิงแดง เรดบูล (Red Bull) เรดดี้ (Ready) โสมพลัส (Somplus) สปอนเซอร์ (Sponsor) และอีกมากมาย กำลังเดินเกมในกระดานแข่งขันของโลกธุรกิจที่ท้าทายกว่าเดิม สราวุฒิ อยู่วิทยา ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ TCP จึงขับเคลื่อนองค์กรด้วยแนวคิด “Sustainable Growth” การเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการบริหารทุกระดับ และล่าสุดได้ถ่ายทอดแนวคิดนี้ผ่านเวที The Standard Economic Forum 2025: Thailand’s Next Frontier (https://thestandard.co/thestandardeconomicforum2025/) ในหัวข้อ Reimagining Sustainable Growth for Thailand’s Next Frontier โดยพลิกมุมมอง “การเติบโตอย่างยั่งยืน” ให้กลายเป็นหลักสำคัญที่ต้องคิดควบคู่ไปกับการสร้างธุรกิจในวันนี้

คุณสราวุฒิ อยู่วิทยา

ธุรกิจที่ “เติบโตอย่างยั่งยืน” ในแบบของสราวุฒิ อยู่วิทยา

ธุรกิจที่ยั่งยืนคืออะไร? แล้วถ้าวันนี้ธุรกิจของคุณต้องอยู่ให้ได้อีก 100 ปี คุณจะทำอย่างไร?

บนเวที The Standard Economic Forum 2025 คุณสราวุฒิ อยู่วิทยา ได้ตั้งคำถามชวนคิด ซึ่งเกี่ยวโยงไปถึงคนที่ทำธุรกิจใหญ่ (Large Enterprise ) ธุรกิจ SME หรือแม้แต่ผู้บริโภค ให้เริ่มมองคำว่า “ยั่งยืน” ไม่ใช่แค่เรื่องสิ่งแวดล้อมหรือ CSR แต่เป็นกลยุทธ์หลักที่ผูกโยงไปกับ “ความอยู่รอด” ของธุรกิจในระยะยาว

ในมุมของกลุ่มธุรกิจ TCP หนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของไทยที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสังคม สิ่งแวดล้อม และการมีธรรมาภิบาลที่ดี ตามหลัก ESG (Environment, Social, Governance) ยังถือเป็นพื้นฐานสำคัญที่ทุกธุรกิจไม่ควรทิ้ง แต่คุณสราวุฒิ อยู่วิทยา ได้ขยายความหมายของความยั่งยืนให้ชัดขึ้นอีกขั้นว่า หากต้องการให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยืนยาว คำว่า “ยั่งยืน” ต้องเพิ่มมิติของ E – Economic หรือด้านเศรษฐกิจเข้ามาอยู่ในสมการด้วย ตามแนวทาง E+ESG เพื่อให้ความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม รวมถึงการเติบโตขององค์กร บุคลากร และผลตอบแทนทางธุรกิจเดินหน้าไปพร้อมกัน

ทำให้ทุกวันนี้เรื่องของความยั่งยืนกับธุรกิจไม่สามารถแยกออกจากกันได้อีกต่อไป เพราะแนวคิดนี้ครอบคลุมถึงการบริหารจัดการอย่างสมดุลในทุกมิติของโลกธุรกิจตามกรอบ E+ESG ดังนั้น Mindset ด้าน “Rebalance และ Reinvent” จึงกลายเป็นคำตอบในคำถามแรกของคุณสราวุฒิ อยู่วิทยา ที่กลุ่มธุรกิจ TCP นำมาใช้จริงในทุกระดับ เพื่อขับเคลื่อนให้องค์กรเติบโตอย่างสมดุล

“สำหรับ Rebalance หมายความว่า ทุกครั้งที่เราทำธุรกิจ เราต้องทบทวนอยู่เสมอว่าความสมดุลของเราคืออะไร ทำอย่างไรธุรกิจจะไม่เอนเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งมากจนเกินไป ขณะเดียวกัน Reinvent ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะเราต้องพร้อมปรับตัว และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ได้ตลอดเวลา”

คุณสราวุฒิ อยู่วิทยา ผู้บริหารยุคใหม่

ถอด 3 กลยุทธ์ ที่กลุ่มธุรกิจ TCP “ทำจริง” เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

คุณสราวุฒิ อยู่วิทยา เผยถึง 3 กลยุทธ์สำคัญที่ทำให้กลุ่มธุรกิจ TCP กลายเป็นผู้เล่นที่ไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่

  1. โตอย่างหลากหลาย – จากเดิมที่ผลิตภัณฑ์เสาหลักของ กลุ่มธุรกิจ TCP คือ กระทิงแดง เครื่องดื่มชูกำลังที่อยู่คู่คนไทยมานานกว่า 6 ทศวรรษ แต่ในวันนี้การยืนอยู่บน “เสาเดียว” อาจทำให้ธุรกิจพร้อมเอนเอียงได้ทุกเมื่อ ดังนั้นการขยายฐานสินค้าให้ “โตบนหลายเสา” จึงเป็นสิ่งที่กลุ่มธุรกิจ TCP ในฐานะหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของประเทศไทย ทำมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระจายความเสี่ยง ขยายพอร์ตผลิตภัณฑ์ และพัฒนาตลาดใหม่

    ในวันที่ความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนไปชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพที่กลายเป็นไลฟ์สไตล์หลัก การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มี Functional Ingredients มากขึ้นจึงกลายเป็นทิศทางที่ตลาดต้องการ โดยกลุ่มธุรกิจ TCP พบ Pain point ว่าผู้บริโภคผู้หญิงจำนวนมากรู้สึกว่า “กระทิงแดง” ไม่ใช่เครื่องดื่มสะท้อนตัวตน เราจึงพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างเรดดี้ (Ready) เครื่องดื่ม Energy Drink สำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ ซึ่งวันนี้ขึ้นเป็นอันดับ 1 ในตลาดเครื่องดื่มให้พลังงานสำหรับผู้หญิงของไทย ขณะเดียวกัน กลุ่มธุรกิจ TCP ยังคิดค้น Energy Drink สำหรับกลุ่ม Gen Z อย่างวอริเออร์ (Warrior) ที่วางจำหน่ายในประเทศเวียดนาม และมาเลเซีย โดยพัฒนาให้แตกต่างจาก Red Bull ทั้งดีไซน์และรสชาติ ในอีกมุมหนึ่ง กลุ่มธุรกิจ TCP ยังขยายสู่กลุ่มสินค้าตอบโจทย์คนรักสุขภาพโดยตรง เมื่อพบว่าผู้บริโภคจำนวนมากต้องการอาหารเสริมที่ทาน เม็ดไม่ใหญ่จนติดคอหรือชงยาก ที่สำคัญต้องมีรสชาติอร่อย จึงร่วมมือกับ DHC พัฒนาผลิตภัณฑ์เบสท์เชอรัล (BESTURAL X DHC) คอลลาเจนกัมมี่ที่ทั้งอร่อยและมีประโยชน์

  2. เก่งแต่ไม่หยุดก้าว – “ไม่หยุดก้าว” ของคุณสราวุฒิ อยู่วิทยา ในฐานะผู้บริหารยุคใหม่ หมายถึงการเปิดรับความรู้จากหลากหลายอุตสาหกรรม แม้กลุ่มธุรกิจ TCP จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม F&B มาอย่างยาวนาน แต่คุณสราวุฒิมองว่าความเชี่ยวชาญเดิมไม่เพียงพอที่จะสร้างความได้เปรียบในอนาคต ทำให้ต้องเสริมศักยภาพจากองค์ความรู้ใหม่ที่อยู่นอกเหนือจากอุตสาหกรรมของตัวเอง

    หนึ่งในก้าวสำคัญคือลงนาม MOU ร่วมกับสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) เพื่อนำ องค์ความรู้ขั้นสูงจากเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเพื่อสำรวจอวกาศ มาปรับใช้จริงในกระบวนการผลิตของโรงงานที่จังหวัดปราจีนบุรี เช่น การพัฒนาระบบตรวจสอบคุณภาพในสายการผลิต เพื่อยกระดับมาตรฐานสินค้าและความปลอดภัยให้กับผู้บริโภคในทุกตลาดที่กลุ่มธุรกิจ TCP ส่งออกไปทั่วโลก ทำให้ความร่วมมือข้ามศาสตร์ครั้งนี้คือพลังสำคัญที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้ธุรกิจ และ “ก้าวให้ทัน” ในโลกที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วกว่าเดิม

  3. สร้างรากฐานเพื่ออนาคต –คุณสราวุฒิ อยู่วิทยา ชวนให้ Zoom out จากกรอบของธุรกิจ แล้วมองในมุมของ “หุ้นส่วนของโลกใบนี้” ทุกวันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราบริโภคทรัพยากรมากกว่าที่โลกจะฟื้นตัวได้ทัน ซึ่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมนั้น เชื่อมโยงกับความเสี่ยงเชิงธุรกิจอย่างหนีไม่พ้น วันนี้ กลุ่มธุรกิจ TCP จึงเริ่ม โครงการพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์นอกเขตพื้นที่คุ้มครอง (OECMs- Other Effective Conservation Measures)  ร่วมกับ สมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย ที่จังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อสร้างระบบต้นแบบที่เชื่อมระหว่างธรรมชาติ ธุรกิจ ชุมชน ให้เติบโตไปด้วยกันได้จริง สะท้อนถึงการ “มองไกล” ในแบบของคุณสราวุฒิ อยู่วิทยา ที่เชื่อว่า “การเติบโตอย่างยั่งยืน” ต้องเกิดขึ้นพร้อมกันทั้งทุกมิติ

คุณสราวุฒิ อยู่วิทยา ในงาน The Standard Economic Forum 2025

แล้วประเทศไทยจะเติบโตอย่างยั่งยืนได้อย่างไร?

คุณสราวุฒิ อยู่วิทยา เปิดมุมมองว่า ประเทศไทยเองก็สามารถใช้ 3 กลยุทธ์ดังกล่าว มาเสริมจุดแข็งและเติบโตอย่างยั่งยืนได้

  • โตอย่างหลากหลาย อาจเริ่มจากการขยายสู่ตลาดใหม่ๆ รวมถึงการขยายความตกลงการค้าเสรี (FTA) เป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่ช่วยลดกำแพงภาษี สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
  • เก่งแต่ไม่หยุดก้าว คือการต่อยอด ของดีของไทย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหารที่มีศักยภาพสูงให้เป็นจุดหมายของ “อาหารแห่งอนาคต” เพื่อยกระดับประเทศจากครัวของโลก สู่การเป็นผู้นำ Future Food ที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล อีกหนึ่งโอกาสที่สำคัญคือการยกระดับบทบาทของผู้ประกอบการไทยจาก “ผู้ผลิต” ในบทบาท OEM มาเป็น “ผู้สร้างแบรนด์” ที่มีคุณค่าในตลาดโลก แนวทางนี้ไม่เพียงต่อยอดความเก่งเดิมของไทย แต่ยังเติมความคิดสร้างสรรค์ และคุณค่าทางแบรนด์เข้าไปในห่วงโซ่เศรษฐกิจ
  • สร้างรากฐานเพื่ออนาคต ต้องมุ่งพัฒนาระบบต่าง ๆ ของประเทศให้ทันสมัย รวดเร็ว และเข้าถึงง่าย ผลักดันเรื่อง Ease of Doing Business เพิ่มศักยภาพให้ผู้ประกอบการไทยรวมถึงการสร้างศักยภาพของคนไทยในทุกช่วงวัย ให้สามารถปรับตัว ทำงาน และเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต เพราะถ้าคนมีคุณภาพ ประเทศก็จะมีศักยภาพในการแข่งขัน

“ท้ายที่สุดแล้ว ผมมองว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ Human Capital Development เพราะศักยภาพของคนคือรากฐานที่สำคัญที่สุดของประเทศไทย หากเราเปิดโอกาสพัฒนาคนไทยได้อย่างเต็มศักยภาพ ประเทศไทยก็จะมีแรงขับเคลื่อนที่แข็งแรงที่สุดสำหรับอนาคต”

#สรุปแนวคิด คุณสราวุฒิ อยู่วิทยา กับการปลุกพลังเพื่อวันที่ดีกว่า ในวันที่โลกธุรกิจต้องไม่มองข้ามความยั่งยืน

คุณสราวุฒิ อยู่วิทยา ได้ทิ้งท้ายว่า การเติบโตอย่างยั่งยืนของทั้งกลุ่มธุรกิจ TCP และทุกธุรกิจ ล้วนต้องเกิดจากการลงมือทำจริง ซึ่งการ “ทำจริง” ต้องเสริมจากการสร้าง Mindset ของคนที่อยากให้ธุรกิจและโลกอยู่รอดไปพร้อมกัน

“หากประเทศไทยจะก้าวไปสู่ Next Frontier ได้จริง พลังนั้นต้องมาจากเราทุกคน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ตั้งแต่ธุรกิจเล็ก กลาง ไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ ที่พร้อมขยับไปด้วยกัน เพื่อปลุกพลังเพื่อวันที่ดีกว่าให้เกิดขึ้นได้จริง”